Ghosted หนังแอ็กชั่นสายลับที่พอดูเพลินๆ แต่ไม่มีอะไรน่าจดจำ หนังแอ็กชั่นสายลับคอมเมดี้โรแมนซ์ เรื่องราวของ Cole คนดีที่หาได้ยากตกหลุมรัก Sadie คนลึกลับจนหัวปักหัวปำ แต่จากนั้นก็พบว่าเธอคือเจ้าหน้าที่สายลับ CIA ที่กำลังทำภารกิจกู้โลก
รีวิว Ghosted
ในส่วนของฉากแอ็กชั่นเป็นความพยายามยกระดับหนังสตรีมมิ่งของ Apple TV+ ให้มีฟอร์มใหญ่ระดับหนังบล็อกบัสเตอร์ขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็มีบางฉากที่ทำออกมาให้อารมณ์หนังแอ็กชั่นทุนสูง อย่างฉากขับรถถอยหลังในตอนแรกกับฉากแอ็กชั่นในร้านอาหารหรูตอนจบ
ซึ่งออกแบบมาดี ทำให้รู้สึกถึงความสดใหม่อยู่บ้าง แต่นอกจากนั้นฉากที่เหลือยังธรรมดาทั่วไป อย่างฉากต่อสู้บนเครื่องบินที่สุดท้ายต้องกระโดดร่มลงมา แต่หนังกลับตัดฉากตรงนั้นไปง่ายๆ เหมือนตั้งใจประหยัดงบ
นอกจากนั้นแล้วหนังยังใช้บริการดาราดังอีกหลายคนร่วมแสดงด้วยอย่าง Anthony Mackie, Ryan Reynolds, John Cho แต่ทั้งหมดนั้นก็มาเล่นเป็นตัวประกอบมีบทไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ โดยตั้งใจให้เป็นมุกตลกคนดังแทรกคั่นเรื่อง แต่ก็เหมือนใช้ไม่คุ้มกับบทที่ออกมาสักเท่าไหร่
ตัวร้ายหลักของเรื่องที่เล่นโดย Adrien Brody ก็ไม่ได้มีบทบาทที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ เพราะเป็นบอสตัวร้ายที่ไม่ค่อยฉลาด เน้นแต่สั่งงานลูกน้อง ซึ่งทำให้บทของ Mike Moh ที่เล่นเป็นลูกน้องนี้กลับมีจุดเด่นจุดขายชัดกว่าเยอะ อย่างท่าทางการใช้ศิลปะการต่อสู้กับ Chris Evans ในตอนจบ
ตัวหนังยังมีปัญหาเรื่องความไม่สมเหตุผลแปลกๆ หลายอย่าง ด้วยการเขียนบทแบบนึกจะยัดให้มีอะไรแทรกเข้ามาก็ได้ในเรื่องเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปได้ อย่างให้มีนักล่าค่าหัวอยู่เต็มไปหมดแบบเดียวกับ John Wick โดยไม่มีการปูเนื้อเรื่องในส่วนนี้ให้เข้าใจได้เลยว่ามาจากไหน ซึ่งเป็นการเขียนบทที่เล่นง่ายเกินไป แม้ว่านี่เป็นหนังตลกก็ตาม
แต่โดยรวมถ้านับว่าเป็นหนังสตรีมมิ่งที่ไม่คาดหวังคุณภาพมาก นี่ก็เป็นหนังที่พอดูเพลินๆ สนุกได้ในเนื้อเรื่องเชยๆ พล็อตสำเร็จรูปที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นมาก ไม่ใช่หนังสายลับจริงจัง เน้นตลกไปกับเรื่องรักผิดคิวของทั้งคู่ก็พอสนุกได้อยู่เหมือนกัน แต่พอดูจบก็จบ แบบไม่มีอะไรน่าจดจำในขณะที่หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ยุคนี้ กำลังมองหาหนทางที่จะกลับมาสร้างสีสันให้กับวงการหนังโลกอยู่อย่างขะมักเขม้น
Ghosted เล่าเรื่องราวของ โคล ชายหนุ่มผู้ที่มีจิตใตดีเมตตาต่อสรรพสัตว์บนสากลโลก เขาดันไปตกหลุมรักหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยปริศนาลึกลับอันน่าค้นหาอย่าง เซดี และใช่แล้ว..ในไม่ช้าเขาก็พบความจริงอันน่าตกตะลึงที่ว่าเธอเป็นสายลับที่อยู่ระหว่างปฏิบัติการ ทำให้การออกเดตครั้งที่ 2 ของพวกเขากลายเป็นการผจญภัย ที่คาดไม่ถึง เสี่ยงภัย เสี่ยงอันตราย โดยที่มีความปลอดภัยของโลกเป็นเดิมพัน
คือเข้าไปอ่านเห็นฟีดแบกจากนักวิจารณ์เมืองนอกท่านหนึ่งที่มีต่อหนังเรื่องนี้ว่า “รู้สึกว่านี่คือหนังที่เหมือนให้ระบบเอไอเขียนบทให้” แล้วพอได้มาเปิดดูกับตาตัวเอง ก็ใช่เลย..เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้สุด ๆ เพราะGhosted กลายเป็นหนังปี 2023 ที่เต็มไปด้วยอานุภาพแห่งความเฉิ่มแบบสุด ๆ ในแง่บทหนังที่ไม่เชื่อว่าจะได้เห็นอีกแล้วในปีปัจจุบันนี้
ถึงแม้ว่า Ghosted จะได้นักแสดงระดับท็อปลิสต์มาอยู่ด้วยกันบนจอ แต่มันกลับไม่ช่วยอะไรได้เลย เมื่อมาอยู่ในหนังที่มีบทไม่ต่างกับหนังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หนังเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จของหนังรอมคอมที่ยัดเอาปฏิบัติการสายลับสอดแทรกเอาไว้แบบเชย ๆ จังหวะของหนังก็แทบจะไม่มีความแปลกใหม่ใด ๆ เลยสักนิดเดียว นั่นจึงเป็นเหตุที่พลังดาราก็ไม่ช่วยอะไรได้เลย
แล้วถึงจะได้ “เดกซ์เตอร์ เฟลตเชอร์” มานั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับให้หนังเรื่องนี้ ที่เพิ่งจะกู้ชื่อเสียงกลับมาได้จากผลงานเรื่องก่อนใน Rocketman แต่เขาต้องกลับมาเละเทะอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ ที่บอกเลยว่าเขายังคงโปรยเสน่ห์และลีลาแบบฉบับของเขาเอาไว้ตามมาตรฐาน เพียงแต่แทบจะไม่มีโอกาสได้สร้างสรรค์ออกมาให้ความรู้สึกที่แตกต่างได้เลย ท้ายที่สุดมันก็คือหนังรอมคอมโยงใยแอคชั่นแบบเห่ย ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น
Ghosted ใช้ทีมนักเขียนบทถึง 3 คนทีเดียว ประกอบด้วย “เร็ตต์ รีส” กับ “พอล เวอร์นิค” (จาก Deadpool) และ “คริส แม็คเคนนา” (จาก Spider-Man: No Way Home) คือได้ทีมนักเขียนบทชั้นเทพขนาดนี้ แต่กลับกลายออกมาเป็นบทหนังเชย ๆ ที่ดูไม่ค่อยคุ้มค่ากับที่จ้างไปสักเท่าไหร่ คือถ้าบอกว่าให้โปรแกรม ChatGPT สร้างสรรค์ให้ก็จะไม่เถียงเลยสักนิด
หนังความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ เต็มไปด้วยพล็อตที่มีแต่ความเป็นขยะ เปิดเรื่องมาได้ด้วยบรรยากาศแห่งความเพ้อฝัน ฟุ้งเฟ้อตามสไตล์หนังรัก แล้วก็จับโยงเข้าสู่โหมดจริงจัง บู๊ล้างผลาญแบบทื่อ ๆ ที่เป็นโครงเรื่องแบบที่เราเคยดูเคยเห็นมากันแล้วแทบจะทั้งนั้น หนังไร้ความสดใหม่ แต่อย่างน้อย ๆ นักแสดงก็พยายามเต็มที่ที่จะสร้างความบันเทิงให้เรื่อย ๆ มันจึงกลายเป็นหนังที่พอดูได้เรื่อย ๆ แต่ยังไร้ความน่าจดจำใด ๆ