สปอยหนัง เรื่องราวของ เจไดสุดดาร์กที่ห้ามพลาดด.

สปอยหนัง เรื่องราวของ เจไดสุดดาร์กที่ห้ามพลาดด.

สปอยหนัง + รีวิว Tales of the Jedi เรื่องราวของ เจไดสุดดาร์กที่ห้ามพลาดด.โดยเป็นเรื่องใหม่ล่าสุดของ “Star Wars” โดยมีนักแสดงในตำนานของ ” Star Wars” เข้ามาร่วมถึงแสดงในภาคนี้ด้วย โดยในเรื่องราวในเรื่องปัจจุบัน ได้เล่าถึง “สภาเจได” รับเข้าในคณะในนามลูกศิษย์ของ “อาจารย์โยดา” มันทำให้เขานั้นได้เป็นถึงขั้นผู้ทรงพลังได้รับความเคารพต่อผู้คนรอบข้าง และเขานั้นยังเป็นถึง “ปรมาจารย์เจได” สูงส่งโดยมีลูกศิษย์ที่ชื่อว่า “ไควกอน จินน์ “ เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อมา  “ปรมาจารย์เจได” เป็นดูกูฝึกสอนแก่  “ไควกอน จินน์ ” ให้เก่งและเป็นบอดี้การ์ดให้แก่เขามันทำให้  “ไควกอน จินน์ ” อาจจะเป็นรุ่นต่อไปที่สืบทอดจากเขา และยังเป็นตัวละครที่มีส่วนสำคัญยิ่งยวดต่อตำนาน Star Wars
STAR WARS: TALES OF THE JEDI Animated Series Coming to Disney+ - Nerdist

ต่อมา  “ไควกอน จินน์ ” ได้พบเจอกับ “นาคิน สกายวอล์กเกอร์ ” เป็นคนแรกและอยากให้ “นาคิน สกายวอล์กเกอร์ ” ถูกฝึกสอนเหมือนกับเขา  “ไควกอน จินน์ ” จึงขอร้องให้ “ดูกู” ช่วยเหลือเด็กชายคนนี้เอาไว้แต่อย่างไรแล้ว  “สภาเจได” เป็นถึงขั้น  “ปรมาจารย์” และมีผู้คนยกย่อง เคารพนับถือเขานั้นจึงช่วยเหลือตามที่ลูกศิษย์ที่ “ปรมาจารย์เจได”

รักมากเอาไว้เมื่อวันเวลาได้ผ่านไปโลกมันก็ทำให้เขานั้นได้รับรู้และเห็นอะไรหลายๆอย่างในรอบตัวของเขา และยังมีเรื่องราวที่เขานั้นได้ถูกหักหลัง และตระหนักถึงความฉ้อฉลของสาธารณรัฐกาแลกติกาและข้อผูกมัดของสภาเจไดต่อรัฐบาลที่นับวันจะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ โศกนาฏกรรมซึ่งมีศักยภาพพอที่จะเป็นบทสำรวจอันลุ่มลึกเกี่ยวกับความหวังที่พังทลายลง

และเจตนาดีทั้งหลายทั้งปวง ต่อเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนี้ แต่อย่างไรแล้วเรื่องราว การ์ตูนแอนิเมชั่น “Star Wars: Tales of the Jedi” อเมริกัน จะมีจุดจบอย่างไรนั้นรอติดตามรับชมพร้อมกันทั่วประเทศในเร็วๆห้ามพลาดดด

สปอยหนัง เจได อัศวินเจได หรือเรียกกันโดยรวมว่า นิกายเจได เป็นตัวละครฝ่ายวีรบุรุษที่สำคัญของผลงานหลายชิ้นของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส พวกเขาจะทำงานอยู่เคียงข้างกับสาธารณรัฐกาแลกติกเก่า และต่อมาให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายพันธมิตรกบฎ

นิกายเจไดได้ถูกอธิบายว่าเป็นทั้งองค์กรนักพรต นักวิชาการ ทหาร และผู้รักษาสันติภาพที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ซึ่งมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องแรกที่เข้าฉายในแฟรนไชส์ องกรที่ถูกสมมุติขึ้นได้เป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดขบวนการทางศาสนาใหม่และศาสนาล้อเลียนในโลกแห่งความเป็นจริง: ลัทธิเจได

ภายใจจักรวาลสตาร์ วอร์สที่ถูกสมมุติขึ้น เจไดเป็นผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรม ผู้ที่ผ่านสัญชาตญาณ การฝึกฝนอย่างเข้มงวดและมีวินัยในตนเองอย่างเข้มข้น สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติที่ถูกเรียกว่า เดอะ ฟอร์ส(พลัง) ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยจิตใจ

การแสดงพลังอันน่าทึ่งและเชื่อมโยงกับความคิดของบางคน ตามที่จอร์จ ลูคัส ผู้สร้างสตาร์ วอร์สได้กล่าวอธิบายว่า เจไดเป็น”พระนักรบผู้รักษาสันติในจักรวาล” หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ยกเว้นแต่เป็นทางเลือกสุดท้าย ด้วยเป้าหมายภารกิจ

“เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการทำให้รัฐบาลของดาวเคราะห์ทั้งหมดอยู่ในแนวเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาก็จะไม่ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย” เจไดมี”อำนาจทางศีลธรรมในการเช่นนั้น” เนื่องจากพวกเขาเป็น”ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมมากที่สุดในกาแลกซี”

ตลอดทั้งแฟรนไชส์ เจไดมักจะเป็นที่จดจำโดยเสื้อคลุมและเสื้อยาวของพวกเขาในเฉดสีน้ำตาลต่าง ๆ และการใช้กระบี่แสงของพวกเขา : อาวุธที่คล้ายดาบที่มีใบมีดที่มีสีสันที่ถูกทำขึ้นมาจากพลาสมา

คล้ายกับปรัชญาทางฮินดูและประเพณีทางศาสนาในโลกแห่งความเป็นจริง(รวมทั้งศาสนาพุทธ) จริยธรรมของเจไดมุ่งเน้นไปที่ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การมีสติ การไม่ยึดติด และการหลีกหนีควมทุกข์ส่วนตัว ซึ่งเป็นลักษณะของสิ่งที่เจไดเรียกว่า “ด้านสว่าง” ของพลัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบค่านิยมทางศีลธรรมของเจไดมองว่าความกลัวเป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์: ความกลัวทำให้เกิดความโกรธ ความโกรธทำให้เกิดความเกลียดชัง และความเกลียดชังทำให้เกิดความทุกข์

เจไดย้ำเตือนว่าอารมณ์เชิงลบที่มากเกินไปเหล่านี้อาจทำให้สมาชิกของพวกเขาหันหลังให้กับด้านสว่างของพลังเข้าสู่ด้านมืด ซึ่งได้โอบรับทั้งความหลงใหล ความก้าวร้าว ความเกลียดชัง ความเดือดดาล และความขมขื่นเป็นวีถีแห่งชีวิต

ภายในแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส ซิธ เป็นผู้ติดตามพลังด้านมืดและศัตรูดั้งเดิมของเจได ในขณะที่ซิธแสวงหาการปกครองด้วยความรุนแรงและอำนาจที่เด็ดขาดเหนือกาแลกซี ส่วนเจไดทำงานเพื่อปกป้องประชาธิปไตย สันติภาพ และความยุติธรรม

ในช่วงยุคสาธารณรัฐเก่า เจไดนำ “สันติาพมาสู่กาแลกซีด้วยการเป็นนักการทูตและนักแก้ปัญหา” นอกจากนี้ยังเป็นหน้าที่ของเจไดที่จะสืบสวนคดีอาชญากรรมบางอย่าง ตั้งแต่การฆาตกรรมที่มีชื่อเสียงไปจนถึงการทุจริตทางการเมือง

การทำหน้าที่เป็นตัวแทนสันติภาพระหว่างกลุ่มระหว่างดาวเคราะห์ที่ทรงอำนาจ ปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงของสาธารณรัฐ ติดตามผู้ลี้ภัย และทำหน้าที่เป็นทหารของสาธารณรัฐในสงครามโคลน ถึงกระนั้น

ข้อบัญญัติทางศาสนาของพวกเขาก็ต้องการให้พวกเขารักษาและปกป้องทุกชีวิตและใช้พลังของพวกเขาเพื่อความรู้และการป้องกันเท่านั้น ด้วยการเถลิงอำนาจของซิธลอร์ดนามว่า ดาร์ธ ซีเดียส หรือ พัลพาทีน ในช่วงยุคจักรวรรดิกาแลกติก

นิกายเจไดได้กลายเป็นพวกนอกกฏหมายและสมาชิกส่วนใหญ่ถูกสังหารในการกวาดล้างทางการเมืองที่ตามมา

ประวัติ

นิกายเจไดเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้เรียนรู้ปรัชญาบนดาวไทธอน (Tython) เจไดได้รับการเคารพว่าเป็นผู้รักษาความสงบและความยุติธรรมของกาแลคซี่ ด้วยอาวุธวิเศษจากพลังและพลังและด้านสว่างของพวกเขา ที่เรียกว่า กระบี่แสง (Lightsabers)

พลังของเจไดจึงเป็นที่น่าเกรงขามของประชาชนในกาแลคซี่ ความสุขุมเยือกเย็น ความประพฤติของเจได ทำให้พวกเขาเป็นสุดยอดผู้นำมาซึ่งความสงบสุขในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือสงคราม

สำหรับพลังของเจไดและความหลากหลายที่เจไดมีน้อย บ่อยครั้งจึงถูกห้อมล้อมด้วยศัตรูในช่วงเวลาแห่งปัญหาและความสับสน พลังชั่วร้ายที่แฝงอยู่ได้ท้าทายนิกายเจไดและสถาบันที่เจไดปกป้อง หนึ่งในนั้นคือ ซิธ นักรบมืดที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของเจได

ซิธสาปแช่งศัตรู สงครามระหว่างเจไดและซิธได้นำกาแลคซี่เข้าสู่สงครามครั้งแล้วครั้งเล่า ในช่วงวิกฤต อำนาจของซิธสามารถสกัดกั้นการรู้เห็นของนิกายเจไดให้มืดบอดได้

หนทางแห่งเจไดกลายเป็นหนทางแห่งปัญญาและความอดกลั้น ถูกผลักดันด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเด็ดขาดเมื่อถึงคราวจำเป็น บางครั้งที่สภาเจไดแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในการตัดสินใจ อย่างเช่นในช่วงสงครามแมนดาลอเรี่ยน (Mandalorian Wars)

ที่สภาเจไดควรทำงานตามสถานการณ์และแผนระยะยาว การนิ่งเฉยของสภากระตุ้นให้รีแวนตอบโต้กลับ และเป็นเหตุให้เข้าสู่สงครามเจไดกลางเมืองในส่วนอื่นๆ ของกาแลคซี่

เส้นแบ่งระหว่างซิธและเจไดก็เด่นชัดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งนี้ ทั้งสองฝ่ายถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายล้างที่เกิดในที่ต่างๆ เช่น บนดาว คาทารร์(Katarr) ทีลอส(Telos)และบนแดนทูอีน (Dantooine)

ด้วยการวางแผนที่ซับซ้อนและความสามารถในการปรับตัวที่น่าพิศวงของปรมาจารย์ซิธผู้หนึ่ง (วุฒิสมาชิกพัลพาทีนแห่งนาบู) ได้ปรากฏตัวในห้องทำงานของสมุหนายกแห่งสาธารณรัฐ แผนของแห่งสงครามได้ถูกกำหนด และทำลายเจไดอย่างรุนแรงและรวดเร็วภายในครั้งเดียวได้ทำลายนิกายเจได

และอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของกาแล็กซี่ให้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ แม้ว่าการกวาดล้างเจไดจะยังไม่จบสิ้น ภายในยุคสมัยนั้น เจไดก็กลับมาปกป้องและทะนุบำรุงกาแล็กซี่อีกครั้งด้วยสติปัญญา และการนำทางของเจได ซึ่งก็คือที่มาของคติธรรมสำหรับสาธารณรัฐใหม่

หนทางแห่งการเป็นเจได

การเป็นเจไดนั้นต้องรับข้อผูกมัดที่ลึกซึ้งและจิตใจที่หลักแหลม ชีวิตของเจไดคือการเสียสละ เจได คือผู้ที่มีสัมผัสของพลังซึ่งจะแผ่ออกมาตั้งแต่ยังเล็ก หากเกิดในดาวที่เจไดสามารถไประบุตัวได้ ก็จะได้รับการระบุตัวตั้งแต่ตอนเกิด (หรือโดยเร็วที่สุด)

จากนั้นจะถูกนำตัวไปยังวิหารเจไดบนคอรัสซังค์ตั้งแต่ยังเป็นทารกหรืออายุน้อยมากไม่เกิน 7-8 ปี เมื่ออยู่ในวิหารเจได เด็กๆ จะได้รับการเลี้ยงดูและสั่งสอนตามวิธีของเจได รวมทั้งวิถีชีวิต กฎของเจไดที่ให้ความสำคัญเช่น ความสุขุม ความอดทน และความเมตตา

และจะต้องระงับ ความรู้สึก เช่น ความเกลียด ความโกรธ และความกลัว ที่เป็นการทำลายตนและนำสู่หนทางแห่งด้านมืดของพลัง

การฝึกฝน

เจไดวัยเยาว์ส่วนใหญ่มักถูกเรียกว่ายังลิ่งหรือ เด็กๆ จะได้รับการจัดเป็นกลุ่มแล้วรับการถ่ายทอดวิชาจากปรมาจารย์เจไดที่มีประสบการณ์ เช่น โยดา เพื่อเรียนรู้วิถีของเจไดและอำนาจแห่งพลัง โดยปกติ การฝึกฝนเพื่อเป็นเจไดจะเริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

เว้นแต่ยุคฟื้นฟูเจได หลังจากการสิ้นอำนาจของจักรวรรดิกาแล็กติก ระยะแรกนั้น เจไดรุ่นใหม่เป็นผู้ใหญ่ที่มีสัมผัสของพลัง ได้รับการฝึกครั้งแรกจากอาจารย์ลุค สกายวอล์คเกอร์โดยตรง หลังจากนั้นจึงค่อยรับเด็กๆเข้ามาฝึกฝนตามธรรมเนียมเดิม

เมื่อนักเรียนแต่ละคนได้รับการฝึกถึงขั้นที่น่าพอใจตามวิถีแห่งเจไดแล้ว เหล่าอัศวินที่ประสงค์จะมีศิษย์จะมาคัดเลือกเด็กเหล่านี้ไปฝึกฝนแบบตัวต่อตัว (ในห้องมืด) โดยเด็กที่ได้รับเลือกจะมีสถานะเป็น พาดาวัน สัญลักษณ์ของพาดาวัน (ในเผ่าพันธุ์ที่มีเส้นผม)

คือ การไว้ผมเปียเล็กห้อยข้างใบหู และเกล้าหางม้าขนาดเล็กที่หลังศีรษะ สัญลักษณ์เหล่านี้จะถูกตัดออกในพิธีหลังจากพาดาวันได้รับการยอมรับเป็นอัศวินเต็มตัว

ศิษย์พาดาวันจะติดตามอาจารย์ไปในภารกิจต่างๆ โดยอาจารย์จะทำตัวเป็นแบบอย่างให้คำชี้แนะ เมื่อพาดาวันมีประสบการณ์และฝีมือมากขึ้นก็อาจได้รับภารกิจเดี่ยวเป็นบางครั้ง

หากเด็กคนใดไม่ได้รับการเลือกไปเป็นพาดาวันของอัศวินเจไดภายในอายุ 13 ปี จะถูกคัดแยกไปอยู่ในหน่วยที่มีภารกิจเฉพาะ เช่น หน่วยสำรวจ หน่วยกสิกรรม หรือเป็นเจไดผู้เยียวยา การเลื่อนจากพาดาวันขึ้นเป็นอัศวิน มีได้สองกรณีคือ ได้รับการทดสอบโดยสภาเป็นผู้ตัดสิน

และ พาดาวันผู้นั้นมีผลงานโดดเด่นและได้รับการยอมรับว่า มีความสามารถสมควรได้รับการเลื่อนชั้นแล้ว ซึ่งโอบีวัน เคโนบี ได้เลื่อนชั้นเป็นอัศวินจากการเป็นผู้สังหารซิธ แม้ยังขณะที่ยังเป็นพาดาวัน