สปอยหนัง สวีททูธ (Sweet Tooth) ซีรีส์จาก Netflix เปิดตัวซีซั่น 2 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2023 ที่ผ่านมา หลายคนที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้จากซีซั่น 1 ต่างค้นหาเรื่องย่อ และมีรีวิวว่า แม้ไม่ได้ดูตอนแรกมา ก็ต่อติด ใครที่มาตามหาเรื่องย่อในบทความนี้ บอกไว้ก่อนว่ามีสปอยล์
ความน่าสนใจประการแรกของ ออริจินัลซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่ดึงดูดสายตาเรามากๆ ตั้งแต่แรกเห็นคือชื่อของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ นักแสดงที่แฟนๆ ฮีโร่มาร์เวลรู้จักเป็นอย่างดีในบทบาทของ โทนี สตาร์ก และภรรยาของเขา ซูซาน ดาวนีย์ มานั่งแท่นในตำแหน่งเอ็กซ์คลูซีฟโปรดิวเซอร์ ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นเขาในบทบาทของคนเบื้องหลังเท่าไร
ความน่าสนใจประการที่ 2 เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้ชมตัวอย่างซีรีส์เป็นครั้งแรก ทั้งการออกแบบงานสร้าง ดนตรีประกอบ เสน่ห์ของทีมนักแสดงนำ และองค์ประกอบอีกหลายส่วนของซีรีส์ที่ชักชวนให้เราหลงใหลไปกับโลก Post-Apocalypse ที่ผสมผสานระหว่างความหมองหม่นและความสดใสได้อย่างลงตัว ดังนั้นแล้วจึงเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่เราค่อนข้างเฝ้ารอเป็นพิเศษ
สวีททูธ (Sweet Tooth) เป็นเรื่องของเด็กชายครึ่งคน ครึ่งกวาง นามว่า “กัส” (G.U.S.) ในซีซั่นแรกตัวละคร กัสเปิดเรื่องมาเป็นเด็กใสๆ ให้โลกทะนุถนอม เขาเติบโตมาในป่าเขาห่างไกลผู้คนโดย “พับบา” (ซึ่งทั้งซีซั่นไม่ได้บอกว่า พับบา เป็นใคร) เมื่อเดินเรื่องไปสักพักหนึ่ง “พับบา” คนที่เขาเรียกว่าพ่อ ก็ไม่อยู่ ไม่สามารถปกป้องได้แล้ว
สถานที่ที่กัสอยู่ไม่ปลอดภัยต่อกัสอีกต่อไป มีชายที่ถูกเรียกว่ากลุ่มลาสแมน (Last Man) คอยตามล่าเด็กไฮบริด หรือเด็กที่เป็นลูกครึ่ง ครึ่งคนครึ่งสัตว์ และเหมือนกับว่า “กัส” จะเป็นไฮบริดที่หายาก เพราะกัสเป็นไฮบริดที่พูดได้
โลกภายนอกมีโรคระบาด พับบาบอกกับกัสเสมอว่า อย่าออกไปนอกรั้ว เพราะมันมีอันตราย และอย่าปรากฏตัวให้ใครเห็น แต่เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว กัสด้วยวัย 9 ขวบ ก็อยากรู้ว่าโรคภายนอกเป็นอย่างไร
“พี่เบิ้ม” หรือ ทอมมี่ เจ็พเพิร์ต (Tommy Jepperd) คือชายที่เคยเป็นกลุ่มลาสแมน ผ่านมาเห็นกัสกำลังจะถูกฆ่า และเขาได้ตามไปดูความเป็นอยู่ของกัส บอกให้กัสอยู่ที่นั่น อย่าออกมา โดยไม่ได้คิดว่าเด็กชายคนนี้ จะติดตามไปด้วยทุกที่
ท้ายSeason 1 จะเห็นได้ว่าแม้พี่เบิ้มจะพยายามสลัดกัสให้หลุดออก ด้วยการทิ้งไว้ที่ครอบครัวอื่น หรือจะแยกกันตรงรถไฟ แต่โชคชะตา ก็ทำให้เขาเลือกติดตามกัสไปโคโลราโด เพื่อช่วยกัสตามหาแม่
Sweet Tooth Season 2 เรื่องย่อ
ความเดิมจากซีซั่นที่แล้ว กัส ตกลงไปในทุ่งดอกไม้สีม่วง แล้วคนดูก็ลุ้นต่อว่า กัสจะเป็นอย่างไร จะถูกลาสแมนจับได้หรือไม่ เปิดซีซั่น 2 มานี้ ทุกคนจะทราบว่า แม่ของกัสยังอยู่ไหม และชีวิตของกัส เป็นอย่างไร
เรื่องราวใน Season 2 นี้ เด็กชายกัส อายุ 10 ขวบ (ผ่านมา 10 ฤดูฝน 10 ฤดูหนาว) และตลอดเส้นเรื่องนี้จะพูดถึงตัวละครหลักอีก 2 คน คือ หมอสิงห์ และ อีเดน
อีเดน (Aimee Eden) เป็นหญิงสาวที่จิตใจอ่อนโยน ก่อนเกิดโรคระบาด เธอไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เมื่อผ่านโรคระบาด เธอเก็บของออกจากบ้านมาอาศัยอยู่สวนสัตว์ แล้วทำหน้าที่รับดูแลเด็กไฮบริด โดยมีน้องเวนดี้ (Wendy) เป็นไฮบริดลูกครึ่งหมู วัย 9 ขวบแล้ว ที่เธอเก็บมาเลี้ยง แต่อีเดน เธอจะปกป้องเด็กไฮบริดได้อยู่รอดหรือเปล่า ต้องติดตามดู
หมอสิงห์ (Dr.Aditya Singh) หมอที่เคยร่วมปฏิบัติการหาทางรักษาโรคระบาด สุดท้ายเลิกอาชีพหมอ เพราะไม่อยากฆ่าเด็กไฮบริด เขาได้ลาออกจากอาชีพหมอ ไปอยู่เมืองหนึ่ง แต่ภรรยาของเขาติดโรคระบาด เขามีหน้าที่ดูแลเธอ หาวิธีการรักษาเธอ และได้รับไม้ต่อจากหมอคนก่อน ให้คิดค้นสูตรรักษาโรคระบาด
หมอสิงห์และภรรยาถูกกลุ่มทหารจับตัวไป หมอสิงห์รับไม่ได้ที่ตัวเองต้องเอาหัวใจของเด็กไฮบริดมาทำยา และเขาก็พยายามถอดรหัสพันธุกรรมบางอย่าง เพื่อรักษาโรคระบาดนี้
เปิดซีซั่น 2 นี้ แม่ของกัส ผู้เป็นนักวิจัย ก็กำลังดำเนินการหาสิ่งที่นำมาเป็นยาได้ แต่ระหว่างทาง กัสกับแม่จะได้เจอกันใหม่ ติดตามดูได้ใน Netflix
ใครที่เพิ่งมาดู สวีททูธ ก็คงค้นหาเหมือนกันว่า Sweet Tooth แปลว่าอะไร ในทางภาษาอังกฤษ เป็นเหมือนสำนวน พูดถึงคนที่ชอบกินขนม หรืออยากกินของหวาน เป็นสายฟาดของหวาน แต่ในเนื้อหา ทาง Netflix ได้เลือกแปลว่า “จอมเขมือบของหวาน” เพราะ กัส ชอบกินขนมมากกว่าอาหารเสียอีก
Sweet Tooth สนุกไหม
IMDb ให้คะแนน 7.8 เต็ม 10 และมีบางส่วนบอกว่า เส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ซ้อนไปซ้อนมา ทำให้งงบ้าง ติดตามได้ยากบ้าง หรือเดาเรื่องได้ง่ายบ้าง โดยภาพรวมแล้วหนัง Netfilx เป็นหนังครอบครัว Feel Good เมื่อใช้วิธีการเล่าเรื่อง เน้นกลุ่มคนดูแบบครอบครัว คนมีลูกก็วิจารณ์ไปอีกอย่าง และชื่นชมตัวละคร “กัส” รับบทโดย Christian Convery สนุกหรือไม่สนุก ก็ส่งชื่อน้อง Chirstian Convery เข้าสู่ทำเนียบดาราเด็กที่น่าจับตามองอนาคตคนหนึ่งไปแล้ว
Christian Convery เป็นที่พูดถึงจาก ซีซั่น 1 ว่าเขาคนเดียว ก็เอาคนดูอยู่ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ด้านการแสดง ไม่ใช่แค่การติดหูหรือเขากวาง แต่จริตการพูด ความเศร้า ความสงสัย แววตา ส่งให้คนดูเกิดความเคว้งคว้างในหัวใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สปอย เนื้อเรื่อง
แรกเริ่มเดิมทีซีรีส์ Sweet Tooth มีกำหนดเข้าฉายทางแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Hulu ในปี 2018 โดยได้ Team Downey สตูดิโอโปรดักชันที่ก่อตั้งโดย โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ ซูซาน ดาวนีย์ มารับหน้าที่ผลิตร่วมกับ Warner Bros. Television รวมถึงได้ จิม มิกเคิล ผู้กำกับจาก In the Shadow of the Moon (2019) มารับหน้าที่กำกับ, เขียนบทร่วม และผู้จัดร่วม ก่อนที่ในปี 2020 จะมีการประกาศว่าซีรีส์จะถูกย้ายไปเข้าฉายบน Netflix และจะมีความยาวทั้งหมด 8 ตอนด้วยกัน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์โรคระบาดขึ้นและพรากชีวิตของผู้คนไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นตามมาไม่หยุด เมื่อเหล่าเด็กทารกแรกเกิดเริ่มกลายร่างเป็นไฮบริดหรือพวกครึ่งคนครึ่งสัตว์อย่างไม่ทราบสาเหตุ และด้วยความชุลมุนวุ่นวายที่ไม่อาจควบคุมได้ โลกก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความพินาศในที่สุด
จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี โลกที่เหมือนจะหยุดนิ่งมานานก็ค่อยๆ กลับมาเคลื่อนที่อีกครั้ง เมื่อ กัส (คริสเตียน คอนเวอรี) ไฮบริดลูกครึ่งกวางที่เติบโตและอาศัยอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันสงบสุข ได้พบกับ เจพเพิร์ด (นอนโซ อะโนซี) ชายพเนจรร่างใหญ่โดยบังเอิญ กัสจึงอ้อนวอนขอให้เจพเพิร์ดช่วยเขาตามหาแม่ของตัวเองตามที่ ริชาร์ด (วิลล์ ฟอร์เท) พ่อผู้ล่วงลับได้ทิ้งเบาะแสสำคัญไว้ให้ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยเพื่อตามแม่ของกัสบนโลกสีเทาอันกว้างใหญ่ พร้อมกับต้องคอยหลบหนีการตามล่าของกองกำลังลาสต์เมนที่กำลังไล่ล่าเหล่าไฮบริด
โดยซีรีส์จะแบ่งเส้นเรื่องออกเป็น 3 เส้นเรื่องใหญ่ๆ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นภาพรวมของโลก ชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่ การเดินทางตามหาแม่ของกัสและเจพเพิร์ด, เรื่องราวของ เอมี (ดาเนีย รามิเรซ) หญิงสาวที่ได้พบกับ เวนดี้ เด็กสาวไฮบริดครึ่งหมู และเรื่องราวของ หมอสิงห์ (อะดีล อัคห์ตาร์) ที่กำลังหาวิธีรักษาโรคร้ายเพื่อช่วยเหลือภรรยา
ขึ้นชื่อว่าเป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของโลก Post-Apocalypse องค์ประกอบที่สำคัญมากๆ สำหรับภาพยนตร์หรือซีรีสแนวนี้ คือการเซ็ตติ้งภาพรวมของโลกให้น่าดึงดูดและแตกต่างไปจากผลงานอื่นๆ ทั้งรูปแบบสังคมที่เกิดขึ้นใหม่หลังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ สภาพแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน รวมถึงการวางปมปริศนาสำคัญที่ชักจูงให้ตัวละครหลักต้องหาคำตอบ หากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกปูมาอย่างแข็งแรงมากพอ ซีรีส์ก็อาจจะไม่สามารถดึงดูดให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวไปจนจบได้อย่างที่ควรจะเป็น
ซึ่งเซ็ตติ้งองค์ประกอบเหล่านี้ได้ค่อนข้างโดดเด่นทีเดียว ไล่เรียงตั้งแต่การกำเนิดขึ้นของเด็กครึ่งคนครึ่งสัตว์อย่างไฮบริดที่โดดเด่นทั้งในแง่การออกแบบคาแรกเตอร์และการมีบทบาทสำคัญภายในเรื่อง กองกำลังลาสต์เมนที่ปกครองสังคมแบบเผด็จการ รวมถึงโรคระบาดปริศนาที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด และด้วยความประจวบเหมาะกับสถานการณ์ในโลกปัจจุบันพอดิบพอดี มันจึงยิ่งส่งให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญได้อย่างไม่ยากเย็น
จุดเด่นข้อต่อมาที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือการที่ผู้กำกับบาลานซ์ ‘ความดาร์ก’ และ ‘ความฟีลกู๊ด’ ของเนื้อเรื่องออกมาได้อย่างกลมกล่อม ผ่านเส้นเรื่องของกัสที่เป็นตัวแทนของเด็กที่มองโลกสีเทาๆ ด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์และเปี่ยมล้นไปด้วยพลังบวก ในขณะที่เส้นเรื่องของหมอสิงห์ทำหน้าที่ถ่ายทอดมุมมองโลกของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหมองหม่น เจ็บปวด และเห็นแก่ตัวออกมาอย่างสุดโต่ง เสมือนเป็นหนังคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง
เช่น การที่กัสเชื่อมั่นว่าเจพเพิร์ดคือ ‘คนดี’ ที่พร้อมจะช่วยพาเขาไปพบแม่ของตัวเองได้ โดยที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวเบื้องหลังของเจพเพิร์ดมาก่อนเลยแม้แต่น้อย อีกด้านหนึ่ง หมอสิงห์ผู้มีปณิธานอันแรงกล้าที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มบีบบังคับให้เขาต้องจนมุม เขาจึงต้องตัดสินใจกระทำบางสิ่งที่ขัดต่อปณิธานของตัวเองเพื่อความอยู่รอด
สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่ส่งให้ สามารถเอาชนะใจผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด เพราะเรื่องราวของกัสและตัวละครทุกตัวภายในเรื่องต่างกำลังทำหน้าที่สะท้อนภาพของ ‘โลกที่เราอยากให้เป็น’ และ ‘โลกความจริงที่เราไม่อาจหลีกหนี’ ออกมาได้อย่างแจ่มชัด
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ลืมที่จะสอดแทรกความหวังเล็กๆ ไว้ตรงกลางระหว่างความฟีลกู๊ดชวนฝันและความดาร์กอันหมองหม่น ผ่านเรื่องราวของตัวละครเจพเพิร์ดที่ต้อง ‘จำใจ’ ฝ่าภัยอันตรายมากมายเพื่อช่วยเหลือกัส ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ถูกโลกสีเทาๆ ใบนี้ค่อยๆ บีบคั้นให้เรากลายเป็นคนที่เราไม่อยากเป็น เพื่อบอกกับทุกคนว่า เราคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงโลกสีเทาๆ ใบนี้ให้กลายเป็นโลกที่อยากให้เป็นได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้
แน่นอนว่าประเด็นเหล่านี้มักจะถูกบอกเล่าผ่านภาพยนตร์และซีรีส์มาแล้วหลายครั้งหลายหน แต่เพราะโลกความจริงมักจะโหดร้ายกับทุกคนเสมอ ภาพยนตร์และซีรีส์เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนพลังใจสำคัญที่คอยช่วยผลักดันให้เราสามารถดำเนินชีวิตบนโลกนี้ต่อไปได้
และเราเชื่อว่าเรื่องราวของกัสและเจพเพิร์ดจะเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่จะมาช่วยเติมเต็มพลังใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี